ธรรมมะ ย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สื่อจิตรู้เพียงชื่อนามสกุล สามารถล่วงรู้ถึงแดนนรกภูมิ

แรกเริ่มเดิมทีที่แม่ทาจะนำพลังจิตที่ฝึกฝนมานั้นนำมาสงเคราะห์ศรัทธาญาติโยมจนปรากฏเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน แม่ทาเองก็ไม่ทราบว่าตัวเองนั้นมีอำนาจพลังจิตสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ ต่อมาแม่ทาก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาทางโสตประสาท "ช่วยมนุษย์นะ เขาคับข้องใจ" แม่ทาถามไปทางจิตว่า "ทำอย่างไรถึงจะรู้ล่ะ" ก็มีเสียงตอบออกมาว่า "มันต้องรู้" ต่อมาก็มีพระจากศรีราชาเข้ามาขอคำแนะนำปรึกษาจากแม่ทา แม่ทาก็เพียงให้ท่านเขียนชื่อและฉายา (นามสกุล) ใส่ลงในกระดาษ แล้วแม่ทาก็กำหนดจิตเพ่งลงไปในกระดาษนี้ ก็ปรากฏว่าสามารถล่วงรู้ถึงความเป็นมาเป็นไปตลอดจนวิธีแก้ไขให้กับพระภิกษุรูปนี้ให้เพียรฝึกปฏิบัติภาวนา ฝึกสติทั้งกลางวันกลางคืนด้วยการไม่หลับไม่นอนตลอด 8 วันเต็มๆ จนพระภิกษุรูปนี้เกิดจิตสว่างไสว สามารถแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆของท่านไปได้ แม่ทากล่าวว่า คนเราต้องเอาปัจจุบัน อดีตมิต้องใส่ใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น อดีตของแต่ละคนหากจะนำมาพูดถึงพู 3 ปีก็ไม่จบ คนฟังก็ฟังพอเป็นนิทาน แต่ผู้ดูให้(แม่ทา) จะเหนื่อย เหตุที่การจะเพ่งพิจารณาจิตล่วงรู้ถึงผู้อื่นได้ วาระกรรมต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมานั้นจำเป็นต้องอาศัยการเพียรปฏิบัติภาวนาทางจิต จนจิตละสักกายทิฏฐิ(ความยึดมั่น ถือมั่นในกายตน) เพราะหากจิตดวงนั้นละความยึดมั่นถือมั่นแห่งตนแล้วก็ย่อมไม่มีความโอนเอียงเอาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง จิตมีความเที่ยงตรงชัดเจนไม่เอนเอียงเข้าข้างตัวเอง ก็ด้วยอำนาจแห่งสมาธิธรรมนั้นเองที่อบรมสั่งสมมาแต่ละภพแต่ละชาติ จนปรากฏเป็นดวงรัศมีธรรม หนุนส่งให้ดวงจิตดวงนั้นได้ประจักษ์ อย่างบางกรณีแม่ทาเพ่งดูวาระกรรมของผู้คน จิตรู้ขึ้นมาว่าอีกสองวันนี้คนผู้นี้จะต้องมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ถึงกับต้องเสียชีวิตไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เมื่อแม่ทาทราบดังนั้นก็จะต้องอธิษฐานจิตขอจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลดวงจิต ผู้ตรวจดวงจิตตรวจกรรมของสัตว์ทุกตัวตน มีสมุดบันทึกอยู่ในแดนยมโลก ทุกดวงจิตบุคคลท่านนั้นจะสร้างกรรมใดๆไว้ก็ตาม ดีหรือชั่วลับหรือแจ้งกรรมนั้นทั้งกายวาจาใจ ก็จะฝังไว้ในดวงจิตและไปปรากฏถูกบันทึกลงในสมุด ซึ่งเรียกว่าสมุดน้ำหมึกด้วยวาสนาบารมีของแม่ทาที่บำเพ็ญมาในด้านนี้มีความโดดเด่นโดยตรงเกี่ยวกับการแก้ไขวิบากกรรม สามารถที่จะช่วยอธิษฐานจิตขอต่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดวงจิต ช่วยยืดอายุของคนผู้นั้นออกได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ตาย ตายเหมือนกัน แต่อาจจะตายช้าลงเท่านั้นเอง แต่ถ้าในดินแดนยมโลกระบุชื่อของผู้นั้นไว้ แน่นอนแล้วว่ายังไงซะ ผู้นั้นก็ต้องตาย ขออะไรก็ไม่ได้ แม่ทาก็จำเป็นที่จะต้องบอกให้คนนั้นทำใจ หรือบางครั้งแม่ทาก็จะอธิษฐานจิตนั้นให้ยืดอายุขัยของบุคคลผู้นั้นให้ยืนยาวต่อไปสักระยะหนึ่ง อย่างไปโรงพยาบาลไปรักษาอย่างไรก็ไม่หาย แพทย์ก็ให้ยารับประทานเอง ทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถจะช่วยยืดอายุขัยได้ ก็จะระบุวันมาเลยถึงวันสิ้นอายุของผู้นั้น ในส่วนของอำนาจจิตวาสนาบารมีของแม่ทานั้น หากมีผู้มาขอร้องช่วยเหลือให้แม่ทาช่วยเหลือ แม่ทาก็จะทำการอธิษฐานจิตขอกับจ่ายมบาลเจ้าหน้าที่ที่ดูแลดวงจิต ถ้าทางเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีเจ้ากรรมนายเวรเขาอนุโลมผ่อนผันให้ บุคคลนั้นก็จะมีอายุขันเพิ่มขึ้น แม่ทาส่งกระแสจิตท่านไปขอกับจ่ายมบาลและต้องไปตรวจดูรายชื่อผู้นั้นอีกกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของบุคคลท่านนั้น ณ ขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจกรรม เมื่อทราบว่าบุคคลท่านนั้นจะต้องอยู่ในข่ายของเจ้าหน้าที่โลกวิญญาณ เขาก็จะบอกกับแม่ทา "ขอแทนไม่ได้ ขอเปลี่ยนไม่ได้ บุคคลคนนี้เป็นคนของข้าน้อยแล้ว" แม่ทาก็ต่อรองขอให้เจ้าหน้าที่ทางโลกวิญญาณช่วยยืดอายุขัยบุคคลนั้นให้ยืนยาวต่อไปซักหน่อย ร้องขอจนหมดหนทาง "อ้าว เป็นอะไรทำไมพูดยากเหลือเกินจะเป็นอย่างไรคนของท่านก็ต้องเป็นของท่าน คนของเราก็เป็นของเราเหมือนกัน เราขอนี่ไม่ได้หรือความขอกับความซื่อนี้คิดดูซิอันไหนจะแพงกว่ากัน" จ่ายมบาลก็รู้ว่าสู้ความขอไม่ได้ ความซื่อเป็นอีกอย่างหนึ่ง เมื่อแม่ทาขอแล้วก็ต้องเอาสิ่งแลกเปลี่ยนให้กับจ่ายมบาล จ่ายมบาลขออะไรก็ต้องหาสิ่งของแลกเปลี่ยนให้ แต่ไม่ว่าจะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนก็ตาม ก็ไม่มีสิ่งใดเยือกเย็น นุ่มนวลกว่าการบูชาผ้าไตรอุทิศไปให้ไม่ได้ อันเป็นสมบัติสงฆ์นำผ้าไตรจากโลกมนุษย์อุทิศส่วนกุศลให้เพื่อขอร้องต่ออายุให้กับบุคคลผู้นั้น ผ้าไตรนั้นเป็นของสูง มีคุณค่าสูงยิ่งเสมือนหนึ่งทางโลกถือเป็นทองคำแท่งเป็นของมีคุณค่า ทางเจ้าหน้าที่ดวงวิญญาณนายจ่ายมบาลเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ก็เกิดความกลัวหวาดหวั่นดวงจิตของแม่ทาที่ได้ไปเยือนดินแดนนรกภูมิ ได้ไปพบกับพระภิกษุสงฆ์บางรูปในขณะที่มีชีวิตอยู่ในเมืองมนุษย์ได้ประพฤติผิดล่วงละเมิดในศีลธรรมวินัยน้อยใหญ่ของพระพุทธองค์ เมื่อดับธาตุขันธ์ลง ดวงจิตก็ไปเสวยกรรมในนรกภูมิ ก็ต้องไปตรวจบัญชีกรรมในนรกภูมิ ก็ต้องไปตรวจบัญชีกรรมดีกรรมชั่วของตน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ซักถามถึงกรรมการกระทำของท่าน ว่าในขณะที่มีชีวิตในโลกมนุษย์ได้ปฏิบัติผิดอย่างนั้นอย่างนี้จริงไหมที่มีกรรมกุศลและทั้งส่วนที่เป็นอกุศลกรรม เมื่อพิจารณาตัดสินคดีความกันก็ต้องไปตรวจอีก 2 ด่านบัญชีสมุดน้ำหมึกอีก ว่าจะตอบตรงกับบัญชีที่แสดงไว้ไหม เมื่อตัดสินคดีความแล้วร่างกายดวงจิตนั้นก็ต้องไปรับโทษทัณฑ์ในขุมนรก ตกลงในบ่อน้ำเดือด แต่ผ้ากาสาวพัสตร์นั้นมิได้ตกลงไปด้วย ผ้าเหลืองนั้นจะหลุดออกจากร่างกายผู้นั้นทันที ร่างกายของพระรูปนั้นก็จะปลิงลงสู่ขุมนรกขุมต่างๆไป ส่วนผ้ากาสาวพัสตร์ก็ไปอยู่ในสถานที่สมควรคือแดนสวรรค์นิพพาน จิตแม่ทาเพ่งดูรายชื่อของผู้คนแล้วก็สามารถรู้ไปถึงสมุดน้ำหมึกในเมืองยมโลกทุกชีวิต ทุกดวงจิตจะมีรายชื่อสมุดน้ำหมึก ซึ่งมีลักษณะสีออกสีน้ำตาลไหม้ บันทึกด้วยอักษรสีน้ำตาล (แม่ทาทราบจากจิตแม่ทา อ่านด้วยจิต) ทางแดนยมโลกจะบนทึกกรรมของสัตว์แต่ละบุคคลไว้ตลอดเวลา ทั้งดีชั่ว คือ ความดีชั่วของมนุษย์สัตว์ที่กระทำกรรมลงไปจะถูกบันทึกฝังลงในดวงจิต แล้วกรรมการกระทำของเรานั้นในแต่ละวันแต่ละวินาทีจะไปปรากฏอยู่ในแดนยมโลก จะทำอะไรไว้ก็ตามทุกอย่างจะไปปรากฏในแดนยมโลกทั้งหมด เทพพรหมเทวดาเป็นผู้ดูแลสร้างไว้ในกฎแห่งกรรม ถึงขนาดที่ว่าความละเอียดที่ว่านั้น เช่นวันนี้เราพูดคุยกันจะเป็นความจริงหรือเท็จก็จะไปปรากฏในสมุดน้ำหมึก บันทึกลงไว้ทั้งหมด พอเราดับขันธ์ เขาก็จะนำบัญชีสมุดน้ำหมึก ซึ่งมีขนาดใหญ่โตชนิดคนแบกแทบเซถลานำมากางเพื่อตรวจกรรม ทางเจ้าหน้าที่จะรับรู้ทราบข้อมูลของบุคคลผู้นั้นได้อย่างละเอียดยิบ ถึงแม้บุคคลเหล่านั้นจะพูดแบบกระซิบกันในสมัยเป็นมนุษย์ก็จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมด วันนี้บุคคลนี้อารมณ์เป็นอย่างนี้อย่างนี้ อารมณ์ในแต่ละวันเป็นอย่างไร ครั้นดับขันธ์ลงไปนายนิรยบาลเปิดบัญชีจะถามว่า "เจ้าทำอะไรมาก่อน วันนั้น....วันนี้.....เดือนนั้น....เดือนนี้...." บุคคลผู้นั้นจะต้องชี้แจงบอกกรรมของตนให้ถูกต้องกับบัญชีที่ปรากฏในสมุดน้ำหมึก เจ้าหน้าที่จะตรวจดูกรรมของเราที่ได้สร้างไว้ ความละเอียดของการบันทึกลงในสมุดน้ำหมึก ละเอียดขนาดที่ว่าคนเรานอนหลับในแต่ละคืนพลิกตัวกี่ครั้งก็ยังมีบันทึกปรากฏในสมุดน้ำหมึกนั้น หรืออย่างวันนี้เราเดิน เวลาเราเดินวันหนึ่งกี่กิโลเมตรถึงได้ไปทานข้าว สมุดน้ำหมึกจะบันทึกรายละเอียดอย่างละเอียดยิบ ครั้นเมื่อบุคคลนั้นดับขันธ์ไป ดวงจิตก็ต้องตรวจกรรม ณ แดนบมโลกนี้ ทางเจ้าหน้าที่โลกวิญญาณจะถามเราว่าเราโกหกหรือไม่ ตรวจสอบเราอีกครั้งหนึ่งถ้าเราพูดตามตรง ตอบไปตามตรงถึงกรรมที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทำในโลกมนุษย์ ตัวนี้ในสมุดน้ำหมึกจะแสดงให้เราทราบว่าเราทำถูกต้อง เราจะไม่ต้องรายงานทั้งหมดอีกในขั้นที่ 2 เปรียบเหมือนทางโลกก็ต้องมีศาลอุทธรณ์ แต่ความเที่ยงแท้จะแตกต่างจากโลกมนุษย์มาก ไม่มีการโกหกมดเท็จในเรื่องกรรมที่เกิดขึ้น จากนั้นก็ไปตรวจอีกเล่มหนึ่งซึ่งเป็นขั้นที่ 3 เป็นเล่มสุดท้ายของบัญชีบันทึกบุญบาปกรรมของมนุษย์ เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วบุคคลนั้นตอบถูกต้องก็ผ่านไป เข้าสู่กระบวนการไปเสวยกรรมดี กรรมชั่วที่ตนได้สร้างสมไว้ แต่ถ้าหากดวงวิญญาณนั้นตอบไม่ตรงกับบัญชีที่ปรากฏอยู่ในสมุดน้ำหมึก ก็จะถูกเจ้าหน้าที่ทางโลกวิญญาณกักขังทรมานให้อดน้ำอดอาหาร รอรายงานตัวใหม่จนกว่าจะครบทั้ง 3 ขั้นตอน จะพูดกล่าวอะไรก็ต้องพูดให้ตรงกับที่เขาบันทึกไว้ใครจะเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหม เป็นมนุษย์เป็นสัตว์ เป็นเปรต ต้องผ่านแดนนี้ก่อน (มีแยกแยะหลายกรณี) ยกเว้นจิตของพระอรหันต์เท่านั้น สมุดบันทึกกรรมสมุดน้ำหมึกจะถูกดับปิดลงทันที กรรมนั้นเราเป็นผู้สร้าง เป็นผู้ส่งตัวเราเอง ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว บุคคลที่ดับขันธ์จากโลกมนุษย์ไปแล้วจะต้องไปรวมกัน รอรับตรวจกรรมที่แดนยมโลกเสียก่อน หากพวกที่ไม่ต้องชดใช้กรรมในแดนนรกภูมิลงขุมนรกต่างๆ ผู้นั้นเดินไปแล้วใช้เท้าจุ่มลงในน้ำเดือดๆ ผู้ที่จะไม่ได้รับกรรมในนรกภูมิเพียงเอาเท้าจุ่มลงในน้ำก็จะสามารถผ่านไปได้เลย จะตรงกันข้ามกับพวกที่ได้รับกรรมเมื่อเอาเท้าจุ่มลงไปในขุมที่มีน้ำเดือดนั้นก็จะไม่สามารถผ่านไปได้ ต้องไปชดใช้กรรมลงสู่ขุมนรก ส่วนพวกที่รอรับการตัดสินกรรมในแดนยมโลกยังไม่ได้ไปเสวยกรรมใดๆ ก็เพราะพูดตอบแสดงถึงกรรมของตนต่อเจ้าหน้าที่โลกวิญญาณไม่ตรงกับที่ปรากฏในสมุดน้ำหมึกลักษณะสมุดบัญชีน้ำหมึกนี้หากเปรียบในทางโลกก็เหมือนกับเราไปโรงพยาบาลก็จะมีบัตรประจำตัวของผู้ป่วยที่ทางโรงพยาบาลเก็บข้อมูลต่างๆไว้อย่างคนป่วยเป็นโรคกระดูก จะให้ผู้อื่นมาป่วยแทนก็ไม่ได้ กรรมก็เช่นเดียวกัน จะดีหรือชั่วของดวงจิตผู้นี้ที่กระทำขึ้นก็จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมด ลักษณะสมุดบัญชีสมุดน้ำหมึกของบุคคลซึ่งดวงจิตบรรลุธรรมถึงพระอรหันต์ สมุดบัญชีกรรมนี้ก็จะค่อยๆ ถูกพับปิดลงอย่างนิ่มนวล ไม่ต้องไปรับกรรมเสวยกรรมใดๆ อีกต่อไปในภพหน้าในชาติต่อไป เสวยอยู่ในแดนอมตะนิพพาน กรรมแต่ละคนสร้างมาไม่เหมือนกัน ดวงจิตเกิดมาจากการปรุงแต่ง เกิดเป็นดวงจิตขึ้นมา จิตมีความยึดมั่นถือมั่น ดวงจิตก็เกิดขึ้นตามระบบของกรรมตามธรรมชาติ ความละเอียดตรงนี้ผู้บันทึกก็ไม่สามารถที่จะบรรบายได้ต่อไปอีก เพราะแม่ทาบอก ผู้บันทึกว่าส่วนนี้ไม่สมควรถาม เพราะผู้นั้นไม่ได้รู้เห็นด้วย ผู้บันทึกได้ถามแม่ทาถึงแดนนาคาพิภพและแดนยมโลกว่าอยู่ในที่เดียวกันหรือไม่ แม่ทาก็ตอบว่า "อยู่ในส่วนเดียวกัน แต่อยู่คนละเมือง เช่นเมืองกรุงเทพมหานครและเมืองพนมไพร ร้อยเอ็ด จะมีการแบ่งแยกกันอยู่ แต่อยู่ในส่วนเดียวกันเรื่องราวประวัติรวมถึงสภาวะธรรมประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของท่านในหนังสือเล่มนี้ยังมีอีกเยอะ ถ้าสนใจผมจะคัดส่วนที่น่าสนใจนำมาพิมพ์ให้อ่านกันนะครับ ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่และมีสมาธิจิตที่เข้มแข็งแก่กล้ามาก ท่านมักจะบำเพ็ญสมาธิอดอาหารหรือไม่หลับไม่นอนเป็นเวลาหลายๆวันด้วยกัน บางทีไม่นอนเป็นเวลาหลายเดือนด้วยกันทีเดียว(นั่งสมาธิพักผ่อนแทน) จิตของอุบาสิกาท่านนี้สามารถสื่อถึงหลวงปู่มั่นได้ และท่านก็ได้หลวงปู่มั่นคอยชี้แนะสั่งสอนธรรมให้ในนิมิตอยู่เสมอๆครับ

ไม่มีความคิดเห็น: