
“มนุษย์เราเอ๋ย ก่อนที่เราจะเที่ยวไปขอพรจากใครคนหนึ่ง
ขอให้เราจงสำรวจตรวจตราดูอย่างต้นข้าว
กว่าจะผลิรวงเป็นเมล็ดก็ใช้เวลานาน
กว่าจะได้ผลผลิตดังหมายการทำการกุศล
ความดีงามก็เช่นกันนั้นก็ย่อมมีกาล
มีเวลาเป็นของมันเองจะไปเร่งเทพเทวดา
จะเร่งบุญกุศลเช่นไรได้อย่างไรเล่า
เหมือนฤดูฝนก็ย่อมมีกาลมีเวลาของมัน
แล้วชะตาชีวิตคนเราก็เช่นกันเมื่อกาล
นั้นยังไม่ถึงพร้อมเจ้าจะไปเร่งแสวงหา
จากใครกันเล่าเพราะกรรมที่เราสร้างไว้
สมสั่งเพียรเพียงพอหรือยังศีล ทาน เมตตา
กตัญญู ภาวนา อย่าลดละบูชา และปฏิบัติ
แต่สิ่งที่ดีงามครั้นกาลเวลาส่งอำนวย
ทั่วฟ้าจบดินแม้แต่เทวดาก็มิอาจต้านทานใน กรรมกุศลของเราไปได้"
คัดลอกส่วนหนึ่งจากหนังสือ “อุบาสิกา แม่จันทร์ทา ฤกษ์ยาม”บันทึกบทธรรม ชีวประวัติ สตรีใจเหล็กผู้เพียรฝึกสติด้วยความมุ่งมั่นสตรีใจเพชร ผู้มีจิตใจงดงามดุจจันทร์วันเพ็ญ ผู้เป็นราชินีในหัวใจชนผู้ทุกข์ยาก สตรีใจพระผู้ทรงคุณวิสุทธิ์จนเป็นที่กล่าวขานจากครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานบันทึกธรรมโดย นายพันธกานต์ กิ้มทอง (โจ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น