ธรรมมะ ย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สังโยชน์ 10 บทส่งท้ายภาคโลกุตตระ

คนเรา ถ้าบาปหนา จิตหยาบ-ก็จะมองไม่เห็น"ความผิดของตนเอง"!!!
สังโยชน์ 10-กิเลสที่เหนี่ยวร้อยรัดให้ตกอยู่ในวัฏฏะ.....
1.สักกายทิฏฐิ-ความเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน คือ ยึดขันธ์ 5 รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ ที่สรุปลงเป็น "รูป-นาม" ล้วนมี"ตัวตน"เป็นของเรา
2.วิจิกิจฉา-ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ในคุณพระรัตนตรัย ว่าจะนำพาตนให้พ้นทุกข์
3.สีลัพพตปรามาส-การถือมั่นศีลพรต อย่างไม่จริงจังเคร่งครัด โดยสักแต่ว่า ทำตามกันไปอย่างงมงาย
4.กามฉันทะ-ความกำหนัดหมกมุ่น ติดอกติดใจในกาม
5.ปฏิฆะ-การกระทบกระทั่งแห่งจิต ได้แก่ ความหงุดหงิด ด้วยอำนาจโทสะ ความคับแค้น ความขึ้งเครียด ซึ่งเป็นอารมณ์ผูกโกรธ ที่จะจองล้างจองผลาญกันต่อไปไม่สิ้นสุด
6.รูปราคะ-ความติดใจ ยึดมั่นถือมั่นในรูปฌาน ความปรารถนาในรูปภพ โดยถือว่า รูปภพเหล่านี้ เป็นสิ่งวิเศษดีเลิศ
7.อรูปราคะ-ความติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน ความปรารถนาในอรูปภพ ว่าเป็นคุณวิเศษ ที่จะให้พ้นจากวัฏฏะ
8.มานะ-การมีอารมณ์สำคัญตน คือ ถือตนว่า เป็นนั่นเป็นนี่ มีชั้นวรรณะสูงกว่าคนอื่น
9.อุทธัจจะ-ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ครุ่นคิดอยู่แต่ในอกุศล
10.อวิชชา-ความไม่รู้จริง ทำให้หลงคิดว่า ทุกสิ่งของโลก เป็นของเที่ยงแท้......
ท่านที่ฝึกปฏิบัติผ่านหลักสมถะ วิปัสสนา หรือรับแสงทิพย์อริยธรรม+ พระ 7 พระองค์ไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่า จิตใจของตนเอง หลุดพ้นจากกิเลสมากน้อยเพียงใด?
ดังนั้น จึงเสนอบทส่งท้ายภาคโลกุตตระนี้แด่ทุกท่าน เป็นตารางเปรียบเทียบ ตรวจสอบกับภาวะการปฏิบัติจิตของท่านเอง
มาตรแม้น ยังมีกิเลสมากอยู่ ก็ขอให้ท่านพยายามฝึกจิต ปฏิบัติบำเพ็ญให้ลดละให้ได้ เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสสังโยชน์ 10 อันเป็นกิเลสที่ดึงเหนี่ยวร้อยรัด ให้ตกอยู่ในวัฏฏสงสาร ที่ต้องมาเกิดอีก เพราะกิเลส ที่ผูกใจคนมัดไว้กับความทุกข์.....
-ตัดได้ 3 ข้อแรก-ก็เป็นพระอริยเข้าขั้นต้น คือ พระโสดาบัน(รักษาศีล 5 ได้บริสุทธิ์จริงๆเป็นปกติ 100% ไม่สามารถทำผิดศีล 5 ได้เลย ไม่ว่าข้อไหน และไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้าจำเป็นต้องทำผิด ท่านยอมตายเสียดีกว่า)
-ตัดกิเลสโลภ-โกรธ-หลงเบาบางลงไปได้อีก-ก็เป็นพระสกิทาคามี
-ตัดกิเลสสังโยชน์เพิ่มข้อ 4-5 ได้อีก-ก็เป็นพระอนาคามี(ไม่มีโกรธและไม่มีกามราคะ เพราะตัดได้หมดแล้ว)
-ตัดได้ทั้ง 10 ข้อ -ก็เป็นพระอรหันต์ พระอริยเจ้าขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ทั้งนี้ ขอกระซิบฝากไว้นิดหนึ่งว่า คนเรา ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า ผ่านได้กี่ข้อ ก็เป็นการสำเร็จมรรคผลชั้นนั้น ชั้นนี้ เพราะว่า
"เมื่อยึดขั้น-ยึดชั้น ก็เป็นการยึดตัวตน เป็นก้าวแรกของความหลง เป็นเหตุต่อเนื่อง ปรุงแต่งให้เกิดทุกข์อยู่ร่ำไป".....

1 ความคิดเห็น:

chai กล่าวว่า...

ขอให้ทุกๆท่านที่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ได้พบกับธรรมะของพระพุทธองค์ มีดวงตาเห็นธรรม ทุกท่านนะครับ