ธรรมมะ ย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ผ้าชายจีวรของพระพุทธองค์เสด็จปรากฏในมือ

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่ทาเคยเล่าให้ฟังถึงมูลเหตุที่จะมีโอกาสได้ไปเยือนดินแดนพรหมโลก แม่ทารำลึกบอกตนเอง “จะลองไปดูหน่อยเถอะน่าว่าจะเป็นอย่างไร เพราะสถานที่ต่างๆ เราก็เคยไปเยือนมาแล้ว” ดินแดนลึกลับต่างๆ ที่แม่ทา เคยส่งกระแสจิตไปเยือนไม่ว่าจะเป็นดินแดนนรกภูมิ สรวงสวรรค์ แดนพญานาค ครั้งนี้แม่ทาจึงอยากไปพิสูจน์ตามที่เขาเล่าขานกันมาจะเป็นจริงเพียงใด “ก็อยากไปดูซิ จะเป็นอย่างไร เพราะได้ยินแต่เสียงเล่าขานกันมานับแต่อดีต” ตกดึกคืนนั้น แม่ทาจึงได้กำหนดจิตลงสู่องค์ฌานตั้งมั่นดีแล้วจิตมีพลัง จากนั้นจึงค่อยๆกำหนดจิต กายทิพย์ค่อยๆเคลื่อนที่ลอยสูงขึ้นไปๆๆๆ กายทิพย์เคลื่อนผ่านดินแดนต่างๆจนกายทิพย์ของแม่ทาได้ลอยเคลื่อนมาถึงดินแดนหนึ่ง จิตผู้รู้ก็แสดงออกให้รับทราบ “แดนพรหมโลก”กายทิพย์แม่ทามีโอกาส เยือนดินแดนพรหมโลก ได้สัมผัสเยือนดินแดนที่ผู้คนปรารถนารองจากแดนพระนิพพาน กายทิพย์ของแม่ทาสัมผัสดินแดน พรหมโลก สัมผัสรู้ว่าพื้นนั้นอ่อนนุ่มคล้ายดังเดินไปเหยียบฟองน้ำแล้วอ่อนตัวลง จะมองไปทิศทางใดก็พบเห็นเป็นแต่พื้นแบนรายเรียบเสมอกันหมดสุดลูกหูลูกตา กายทิพย์แม่ทา ย่างเท้าสัมผัสเหยียบลงไปก็จะปรากฏให้เห็นเป็นรอยเท้าได้ชัดเจน(แม้ ณ วันนี้หากแม่ทาส่งกระแสจิตไปชมเยือนแดนพรหมโลก ก็ยังปรากฏเห็นรอยเท้าของแม่ทาได้ประทับจารึกไว้)กายทิพย์แม่ทาจึงได้ออกเดินสำรวจไปดูรอบดินแดนพรหมโลก เดินย่างเท้าลงไป ณ บริเวณใด ก็ปรากฏว่า เท้าจะจมลงสู่พื้นมองดูลึกจนถึงเข่า เดินสำรวจวนเวียนไปมาจึงหยุดมองดู เห็นเป็นแต่แสงสลัว จิตของแม่ทาจึงแสดงให้ทราบ “สิ้นสุดแล้วจะไปไหนอีก ส่วนรูปกายของเหล่าท่านพรหม บนดินแดนพรหมโลก ที่แม่ทาได้สัมผัสด้วยอาศัยจิตที่ละเอียด เพ่งพิจารณาดูก็จะเห็นเหล่าท่านพรหม มีกิริยา ท่าทางสง่างาม จะนั่ง เดิน ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยในปีเข้าพรรษา พ.ศ.2542 แม่ทาได้นำพาคณะศิษย์ออกปฏิบัติภาวนา เป็นประจำทุกค่ำคืนตามสถานที่ต่างๆ ค่ำคืนหนึ่งแม่ทาก็ได้นิมิตเห็นพระวรกายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏให้ทราบพร้อมเมตตาโอวาทแด่แม่ทา “ปฏิบัติไปเมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสมออกพรรษาแล้ว จะมีรางวัลมองให้ในช่วงวันตักบาตรเทโว” แม่ทาน้อมรับฟังแต่ก็ยังไม่แน่ใจต่อเหตุการณ์ที่จะมาปรากฏเพราะมิได้ใส่ใจเท่าใดนักครั้นพอถึงวันออกพรรษา พ.ศ.2542 เป็นวันตรงกับการทำบุญตักบาตรเทโว ในค่ำคืนนั้นแม่ทาก็ได้นำคณะศิษย์นับ 60 ชีวิตพาไปนั่งปฏิบัติภาวนา อยู่ ณ บ้านหนองโหน่ง บ้านอาจารย์อุมาภรณ์ ทองรักษ์, คุณไล บ้านหนองบั่ว ต.ช้างเผือก อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พอดีกับในค่ำคืนนั้นผู้เขียน(พันธกานต์ กิ้มทอง) ได้พาหมู่เพื่อนฝูงจาก กทม. ประกอบด้วยคุณวิจักษ์, คุณฐาปนี, คุณกุ้ง พี่เหมียว มากราบเยี่ยมแม่ทา และได้เดินทางมายังบ้านอาจารย์ไล พอดีกับในช่วงค่ำคืนนั้น แม่ทาได้พาคณะศิษย์บำเพ็ญสมาธิฝึกอบรมจิตสมาธิให้แก่บรรดาศิษย์นานหลายชั่วโมง ขณะนั้น จิตของแม่ทาก็ได้สัมผัสเห็นรัศมีแห่งคุณธรรมปรากฏเป็นรูปพระวรกาย ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครองผ้าจีวรสวยงามห่มจีวรแบบห่มคลุมไหล่ทั้งสอง จิตแม่ทา ได้ยลเห็นรูปพระวรกายของพระองค์ท่านยืนลอยเด่นเหนือพื้น พระบาทลอยอยู่ในนภากาศ พระพุทธองค์ทรงเมตตาประทานอนุเคราะห์แด่ผู้น้อยผู้ทุกข์ยากลำเข็ญ เข็ญใจ แด่แม่ทายิ่งนัก “ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต” จิตแม่ทาได้เห็นพระพุทธองค์ ทรงครองผ้าจีวรงามสง่า พร้อมกันนั้นพระพุทธองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา ชายผ้าจีวรคล้ายดั่งทองคำปลิวไสวยื่นยาวออกมา ทางแม่ทานั้นจึงได้ยื่นมือขึ้นไปสัมผัสกับชายผ้าจีวรของพระพุทธองค์ที่ทอดยาวออกมาให้ได้สัมผัส ครั้นแม่ทาได้สัมผัสชายจีวรของพระพุทธองค์ก็บังเกิดเป็นเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างตัวแม่ทากับพระพุทธองค์ และบังเกิดแสงสายรุ้งขึ้นที่ชายจีวรนั้นทอดลงมาพุ่งมาจากจีวรสู่มือแม่ทา ครั้นได้สัมผัสก็รู้สึกว่าเหมือนมีพลังธรรมบางอย่างมาครอบงำทำให้ร่างกายแม่ทาไม่สามารถขยับเขยื้อนกายได้ ด้วยอำนาจรัศมีธรรมของพระพุทธองค์ แต่ด้วยความที่แม่ทามีสติรักษาใจไว้ได้ดี แม่ทาได้สัมผัสรับทางจิต“รับเอาไว้เอาไว้ เพราะตั้งแต่ปฏิบัติมานี่ ก็ยังไม่เคยได้รับซักครั้งให้เก็บเอาไว้รักษา” ครั้นปรากฏว่าแม่ทาได้ถอนจิตออกจากสมาธิ ผลแห่งรางวัลตอบแทนแห่งการปฏิบัติที่ปรากฏเป็นรูปธรรมได้ปรากฏมีชายผ้าผืนหนึ่งมีสีกลักเข้ม ขนาดประมาณกว้าง และยาว 10 ซ.ม. ปรากฏอยู่ในมือแม่ทาอย่างน่าอัศจรรย์ในขณะที่ถอนจิตออกมานั้นปรากฏด้วยอำนาจแสงแห่งรัศมีคุณธรรมของพระพุทธองค์ แผ่รัศมียังร่างกายแม่ทา ทำให้พลังที่แม่ทาได้รับสัมผัสมานี้ ถึงแม่ทาจะถอนจิตออกจากสมาธิแล้วก็ยังปรากฏว่าร่างกายของแม่ทาก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ทันทีโดยสะดวก สักพักครู่ใหญ่ ทางคณะศิษย์นำโดยอาจารย์เทพประสิทธิ์ จึงได้นำภาชนะพร้อมดอกบัวมาอัญเชิญจีวรของพระพุทธองค์ที่ปรากฏอยู่ในกำมือแม่ทา อัญเชิญมาอยู่ในภาชนะที่เตรียมรองรับ ขณะเดียวกันร่างกายของแม่ทาเองก็ยังขยับเขยื้อนลำบาก เจ็บปวดทรมานกาย เนื่องจากเวทนากายยังร้อนแรง ประกอบกับอำนาจแห่งแสงรัศมีคุณธรรมของพระพุทธองค์ ยังแผ่รัศมี แผ่พลานุภาพอยู่ คล้อยหลังสักพักใหญ่ ร่างกายของแม่ทาจึงค่อยๆกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายหลังต่อมา มีลูกศิษย์ของแม่ทาหลายๆท่านประสงค์ใคร่อยากได้จีวร ของพระพุทธองค์ไปบูชา แต่นับดูจำนวนลูกศิษย์มีจำนวนมากมาย ผ้าจีวรที่เสด็จมาในมือแม่ทามีขนาดจำกัด จึงได้จัดสรรโดยการแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ โดยอาจารย์หอมหวน เรืองยศ เป็นผู้ขออนุญาตตัดชายจีวรผืนที่เสด็จมาปรากฏอยู่ในมือแม่ทา แจกจ่ายสู่ยังบรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้นำไปบูชากันอย่างทั่วถึงแต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำพวกหนึ่งที่ไม่ค่อยปฏิบัติธรรมภาวนาจริงจัง จิตเป็นมิจฉาทิฐิได้รับชายจีวรพระพุทธองค์ไปก็ลบหลู่ไม่ค่อยเชื่อในเหตุการณ์ที่ปรากฏแม่ทาได้กล่าวให้ทราบในภายหลังว่า “แต่ก็มีหลายๆผู้คนที่ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องเช่นนี้ แม่ทาจึงไม่ได้นำชายจีวรที่เหลือแจกให้ใครได้นำไปบูชา เกรงจะเป็นกรรมเพราะพระพุทธองค์ ท่านก็ทรงเมตตาสั่งสอนธรรมไว้หมดแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เรา ต้องนำมาปฏิบัติเอา เพราะถึงอย่างไร วัตถุต่างๆก็สู้การมาครองดูจิต ดูกาย ในกายตนไม่ได้” แม่ทาได้เมตตาเล่าให้ทราบภายหลังว่า หากวันที่จะมีโอกาสนิมิตเห็นพระพุทธองค์และได้สัมผัสรัศมีคุณธรรมของท่าน ในส่วนของแม่ทาจะได้สัมผัสเฉพาะวันออกพรรษา วันตักบาตรเทโว เท่านั้น
“มนุษย์เราเอ๋ย ก่อนที่เราจะเที่ยวไปขอพรจากใครคนหนึ่ง
ขอให้เราจงสำรวจตรวจตราดูอย่างต้นข้าว กว่าจะผลิรวงเป็นเมล็ดก็ใช้เวลานาน กว่าจะได้ผลผลิตดังหมายการทำการกุศล ความดีงามก็เช่นกันนั้นก็ย่อมมีกาล มีเวลาเป็นของมันเองจะไปเร่งเทพเทวดา จะเร่งบุญกุศลเช่นไรได้อย่างไรเล่า เหมือนฤดูฝนก็ย่อมมีกาลมีเวลาของมัน แล้วชะตาชีวิตคนเราก็เช่นกันเมื่อกาล นั้นยังไม่ถึงพร้อมเจ้าจะไปเร่งแสวงหา จากใครกันเล่าเพราะกรรมที่เราสร้างไว้ สมสั่งเพียรเพียงพอหรือยังศีล ทาน เมตตา กตัญญู ภาวนา อย่าลดละบูชา และปฏิบัติ แต่สิ่งที่ดีงามครั้นกาลเวลาส่งอำนวย ทั่วฟ้าจบดินแม้แต่เทวดาก็มิอาจต้านทานใน กรรมกุศลของเราไปได้”
อดทนสู้สมสั่งอบรมจิตเพื่อจิตที่ดีงามพันธกานต์ กิ้มทอง (โจ)

ไม่มีความคิดเห็น: